วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

ดาวอริกุมลัคน์

                                   การอ่านพฤติกรรมตนุลัคน์เมื่อมีดาวอริกุมลัคน์

         หลายๆคนที่เริ่มศึกษาโหราศาสตร์แบบจักราศี  มักจะต้องเจอเรื่องราวหลากหลายซึ่งบางทีไม่สามารถหาคำตอบได้ชัดเจนจากดาวเจ้าเรือนต่างๆ  หรือบางครั้งก็ไม่สามารถแยกแยะถึงผลดีและผลเสียว่าจะรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันแค่ไหนอย่างไร
   
         การพิจารณาเรือนใดเรือนหนึ่งเราจะต้องดูว่าดาวอะไรเป็นเจ้าเรือนนั้นๆ   แล้วนำเอาความหมายของดาวเจ้าเรือนเป็นประธานของเรื่องราว   ดาวเจ้าเรือนเมื่อไปสถิตราศีใดก็ต้องผสมความหมายของดาวเจ้าราศีและธาตุราศีเพื่อให้ออกมาเป็นพฤติกรรม     เช่นสมมติให้ดวงชะตาหนึ่งมีลัคนาราศีเมษ ก็จะต้องมีดาวพุธเป็นดาวเจ้าเรือนอริ   ความหมายคร่าวๆของดาวพุธคือความคิด,การสื่อสาร ฯลฯ  ดังนั้นเราก็จะทราบโดยคร่าวๆแล้วว่าปัญหาหรืออุปสรรคสำหรับดวงชะตานี้คือความคิดและการสื่อสาร    เมื่อดาวพุธเจ้าเรือนอริไปสถิตราศีเมษเรือนธาตุไฟ เราก็จะทราบว่าพฤติกรรมของดาวพุธที่ทำให้เกิดปัญหาหรืออุปสรรคก็คือ  ต้องเกิดปัญหาจากคำพูดที่แรงและไม่ค่อยเกรงใจต่อกัน   ปัญหาจะเกิดจากรากฐานความคิดที่แข็งกร้าวและดื้อดึงพร้อมจะประทะคารม   ซึ่งปัญหาก็มักจะเกิดแบบปุบปับฉับพลันหรือรุนแรงเพราะของธาตุไฟจากราศีเมษเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดดังนั้น  (แต่ถ้าหากดาวพุธเจ้าเรือนอริไปสถิตราศีกรกฏเรือนธาตุน้ำก็แสดงถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพราะมีความคิดที่คล้อยตามผู้อื่นมากเกินไป   ไม่กล้าที่จะตอบปฏิเสธหรือไม่กล้าถกเถียง   การพูดจาเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนัก,ไม่น่าเชื่อถือ,ไม่มีความเป็นผู้นำ ฯลฯ)   การอ่านโดยการใช้ความหมายของดาวที่เป็นเจ้าเรือนอริทำให้เรารู้ถึงสาเหตุและพฤติกรรมที่สร้างปัญหาหรืออุปสรรคได้โดยชัดเจน  อ่านดาวใดก็ใช้ความหมายของดาวนั้นๆมาเป็นฐานได้เลย  ขอยกอีกตัวอย่างเช่นดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนอริก็ทำให้ปัญหาและอุปสรรคเกิดจากโทสะ,ความวู่วาม,มุทะลุ,การต่อสู้แข่งขัน ฯลฯ   หรือมีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนอริก็ทำให้ปัญหาและอุปสรรคมักเกิดจากการรักความสบาย,ความขี้เกียจ,ติดความสุข ฯลฯ
           
         ในคราวนี้จะกล่าวโดยยกตัวอย่างดวงชะตาลัคนาราศีเมษ แล้วดาวพุธเจ้าเรือนอริมาสถิตกุมเรือนลัคนา   แต่จะแยกแยะพฤติกรรมของเจ้าชะตาไปตามดาวอังคาร(ตนุลัคน์)ที่สถิตในแต่ละราศี    ซึ่งตรงนี้เราจะเห็นถึงความแตกต่างของดวงชะตาที่แม้จะมีดาวเจ้าเรือนอริสถิตเรือนราศีเดียวกัน  แต่ตนุลัคน์ที่สถิตต่างราศีก็จะมีพฤติกรรมในการรับผลกระทบที่แตกต่างกันไปด้วย   ในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะความหมายด้านพฤติกรรมเท่านั้น (จะไม่กล่าวถึงความหมายด้านการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือการบาดเจ็บ  เพราะจะแยกไปอธิบายเพิ่มเติมในบทความอื่นต่อไป)  

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีเมษ  ดาวอังคารนี้จะเป็นนักสู้และเจ้าโทสะพร้อมจะบุกตะลุยฟันฝ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า   จึงเป็นคนที่กล้าสู้กล้าลุยไม่เกรงกลัวกับปัญหาทุกชนิด  ยิ่งมีปัญหายิ่งทำให้เกิดความท้าทาย  เป็นคนไม่เคยกลัวปัญหาไม่ว่าจะมาในลักษณะใด  แต่ปัญหาที่มีเข้ามาก็มักจะแรงและฉับพลันเสมอ   ดังนั้นดวงชะตาเช่นนี้จึงเป็นคนเก่งที่ต้องเผชิญกับปัญหาทุกรูปแบบอยู่ตลอดเวลา  และตนเองก็ยังเป็นผู้ก่อปัญหาเองด้วยก็ได้เพราะดาวอังคารอยู่ในราศีธาตุไฟที่ไม่เกรงกลัวผู้ใด  สามารถสร้างความขัดแย้งได้ทั้งทางวาจาและการปะทะทางร่างกาย  ดังนั้นดวงเช่นนี้จึงมีทั้งผลดีและผลเสียอย่างชัดเจนพร้อมๆกัน

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีพฤษภ  ดาวอังคารในราศีได้รับอิทธิพลของดาวศุกร์เจ้าราศี  จึงมีพฤติกรรมเลือกทำในสิ่งที่ตนเองมีความสะดวกหรือมีความสุขเป็นที่ตั้ง  ธาตุดินทำให้มีความอดกลั้น,อดทนได้เป็นอย่างดี  แต่ผลจากดาวพุธที่เบียนจากราศีธาตุไฟนั้นทำให้ต้องอึดอัดและต้องอดทนกับปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน   ในส่วนของการแก้ไขปัญหาก็มีการดำเนินไปด้วยเช่นกันแต่จะเลือกหนทางที่ตนเองคิดว่าง่ายและสะดวกเสียก่อน  อันไหนยากๆก็จะวางพักเอาไว้ไม่เข้าไปดำเนินการ   ดาวอังคารที่ถูกดาวพุธเบียนเช่นนี้มักถูกเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องรบกวนหยิบยืมเงินทองอยู่เสมอ  จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องเกิดปัญหาทะเลาะถกเถียงต่อกันได้ประจำ   ถ้าให้ยืมไปก็คงถูกเชิดหรือหากมีการทวงถามก็คงได้คืนยากและถ้าไม่ให้ก็ต้องถูกด่าทอให้เจ็บช้ำใจ
 
ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีมิถุน  ดาวอังคารในราศีนี้จะมีไหวพริบปฎิภาณในการนำไปแก้ไขปัญหา  และก็ยังรู้จักการหลบเลี่ยงปัญหาได้อีกด้วยเช่นกัน   การแก้ไขปัญหาก็จะทำอย่างผิวเผินไม่ได้จริงจังมากนัก   เมื่อมีปัญหารุนแรงก็จะคิดหาวิธีในการแก้ไขปัญหานั้นๆอย่างรวดเร็วแต่ถ้าคิดไม่ออกก็อาจจะละทิ้งไปเลยก็เป็นได้  หรือถ้าเกิดความขัดแย้งด้านวาจาก็อาจจะมีถกเถียงบ้างนิดหน่อยแล้วก็หลบเลี่ยงไม่ยอมปะทะรุนแรง
  
ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีกรกฎ  ดาวอังคารนี้จะได้รับผลจากธาตุน้ำทำให้เกิดการอ่อนโยนมากขึ้น  และยังทำให้ดาวอังคารขาดความกระตือรือร้นในการที่จะต่อสู้ปัญหา  นิยมการประนีประนอมมากกว่าที่จะเข้าประทะหักหาญ   เป็นดาวอังคารที่เน้นในเรื่องของการมีน้ำใจและการแบ่งปันช่วยเหลือ    ดาวพุธเจ้าเรือนอริสถิตในราศีเมษจึงเป็นปัญหาที่รุนแรงอย่างมากต่อดาวอังคารซึ่งคงไม่สามารถรับมือดาวพุธได้มากนัก   จึงมักจะตกเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่ร่ำไปไม่กล้าที่จะขัดแย้งกับผู้ที่เข้ามาสร้างปัญหา  ต้องคอยหลบเลี่ยงหรือคอยหาคนเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยแบ่งเบาอยู่ร่ำไป
    
ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีสิงห์  ดาวอังคารนี้จะเกิดผลแห่งการยึดติดศักดิ์ศรีและกล้าต่อสู้เพื่อรักษาชื่อเสียงของตนเอง  เป็นดาวอังคารที่ขยันขันแข็งเดินหน้าเพื่อไขว่คว้าหาความสำเร็จอย่างไม่ย่อท้อ  เมื่อเกิดปัญหาก็จะรีบเร่งแก้ไขให้ลุล่วง  แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมักเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเสื่อมเสียหรือถูกติฉินนินทา  จึงต้องคอยออกแรงต่อสู้เพื่อปกป้องชื่อเสียงอยู่เสมอๆ  ดาวอังคารในราศีนี้ยังมองว่าปัญหาหรืออุปสรรคนั้นเป็นสิ่งท้าทายเหมือนดาวอังคารในราศีเมษ  แต่จะไม่ใช้อารมณ์ในการเข้าต่อสู้หักหาญเท่ากับดาวอังคารในราศีเมษ  เพราะดาวอังคารในราศีนี้ยังมีชื่อเสียงและหน้าตาเป็นสิ่งค้ำคออยู่  จึงไม่กล้าที่จะมุทะละบ้าระห่ำได้มากนัก   แต่ถ้าเป็นการถูกดูหมิ่นดุแคลนหรือมาเหยียดหยามก็จะสู้ตายได้เช่นกัน

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีกันย์  ดาวอังคารในราศีนี้แม้จะเป็นเรือนอริก็ไม่ใช่ดาวอังคารที่ชอบสร้างปัญหาตามที่เข้าใจ  แต่กลับจะมีการยั้งอารมณ์และโทสะได้ดีกว่าเดิม   เพราะราศีธาตุดินไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการกระทำด้านบุกหรือการรุกไล่ (ดาวในราศีธาตุไฟหรือราศีธาตุลมจึงจะบุกและรุกไล่ได้มากกว่า)  ดาวอังคารในราศีกันย์เรือนอรินี้จะค่อยๆใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหา   แต่ถ้าเป็นปัญหาใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนก็จะค่อยๆคิดหาวิธีแก้ไขอย่างไม่เร่งรีบ   แต่การแก้ไขปัญหาในแบบใช้ฐานความรู้เก่าๆหรือทำแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ มักจะไม่ค่อยทันการกับดาวพุธเจ้าเรือนอริที่ไปสถิตราศีเมษ   ดังนั้นดาวอังคารในราศีนี้จึงไม่สามารถรองรับผลเสียของดาวพุธได้ดีเท่าไหร่นัก  แต่ถ้าดาวอังคารในราศีกันย์มีดาวเบียนจากราศีสิงห์ก็จะทำให้รับมือกับดาวพุธเจ้าเรือนอรินี้ได้เป็นอย่างดี          

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีตุลย์  จะทำให้ดาวอังคารยิ่งเกิดการผันผวนไม่จริงจังกับการแก้ไขปัญหา  มักติดอยู่กับความสุขสบายจึงไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาหรืออุปสรรคที่มีเข้ามา   ตนุลัคน์ในดวงชะตานี้จึงเป็นการสื่อถึงผู้ที่เก่งแต่ปากไม่ค่อยลงมือกระทำสิ่งใดเป็นจริงเป็นจัง  หากจะลงมือแก้ไขปัญหาก็ทำแบบทีเล่นทีจริงไม่ทุ่มเทมากนัก  การละทิ้งปัญหาจะเกิดขึ้นได้ง่ายด้วยเช่นกัน 

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีพิจิก  แม้จะเป็นเกษตรแต่ก็ไม่ได้ทำให้ดาวอังคารเกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาได้เลย  เพราะเป็นราศีธาตุน้ำจึงทำให้ดาวอังคารเกิดการชะลอตัวและสงบนิ่ง  จะมองว่าเป็นการเฉยเมยต่อปัญหาก็ได้  แต่การเฉยเมยนี้เป็นการยอมจำนนมากกว่าการไม่ยอมลงมือแก้ไข  คือได้พยายามแล้วแต่ไม่สามารถทำได้จึงต้องยอมให้ปัญหาดำเนินไปตามยถากรรมของชีวิต  หากมองว่าราศีพิจิกเป็นเรือนมรณะแล้วจะหมายถึงดาวอังคารหนีปัญหาได้หรือไม่   ก็ต้องบอกว่า พฤติกรรมหลบเลี่ยงหรือหนีจะต้องเป็นดาวในราศีธาตุลมมากกว่าธาตุน้ำ    

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีธนู  ทำให้ดาวอังคารนี้มีความฉลาดกระตือรือร้นในการใฝ่หาความรู้  ชอบต่อสู้ด้านความคิดและใช้ปัญญาในการเอาชนะ  ดาวพุธที่ตรีโกณจากราศีราศีเมษจึงทำให้เกิดปัญหาที่รวดเร็วและรุนแรง  และมักเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย,วิชาการ,ความรู้ ฯลฯ   แต่ด้วยตนุลัคน์ที่เป็นนักสู้และมีความฉลาดจึงสามารถรับมือกับปัญหาเช่นนี้ได้เป็นอย่างดี   ดาวอังคารในราศีนี้มักส่งให้เจ้าชะตามีความถนัดในการใช้ความรู้ในการแก้ไขปัญหา เช่นตำรวจ วิศวกร ทนาย อัยการ ผู้พิพากษา ข้าราชการฝ่ายปกครองหรือฝ่ายตรวจสอบต่างๆ   ฯลฯ

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีมังกร  จะทำให้ดาวอังคารนี้มีความอึดและอดทนเป็นอย่างมาก   และราศีมังกรยังส่งผลให้เป็นดาวอังคารเกิดภาวะจำยอมที่ต้องทนอยู่อย่างอึดอัดเคร่งเครียด  ดาวพุธเป็นปัญหาที่รุนแรงซึ่งดาวอังคารนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีจึงกลายเป็นความเครียดที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ   แต่ด้วยเป็นดาวอังคารที่มีความอดทนสูงจึงสามารถเก็บกดอารมณ์ได้เป็นเวลานาน  แต่ก็ต้องระเบิดออกมาด้วยความรุนแรงไม่วันใดก็วันหนึ่ง (เมื่อมีดาวธาตุลมหรือดาวธาตุไฟจรเข้ามาทับราศีมังกร) 

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีกุมภ์  ราศีธาตุลมและความหมายของดาวราหูทำให้เกิดผลแห่งความต้องการอิสระและมีอารมณ์ที่ผันผวนสูง   ดาวอังคารนี้จะละทิ้งปัญหาได้ชัดเจนมากกว่าดาวอังคารในราศีตุลย์  เป็นการละทิ้งแบบไม่ให้ความสนใจอย่างแท้จริง   ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนมากก็มาจากการที่ตนเองมีนิสัยไม่อยู่กับร่องกับรอย  ไม่ค่อยจะให้ความสำคัญในกฎระเบียบของสังคม  มีพฤติกรรมที่ขึ้นกับอารมณ์ของตนเองที่มากจนเกินไป   หากจะทำการแก้ไขปัญหาใดๆก็จะมีรูปแบบวิธีพิเศษที่ไม่เหมือนใคร  อาจคิดค้นทางลัดในการแก้ไขปัญหาหรือหลอกล่อให้ผู้อื่นเข้ามาช่วยแก้ไขก็เป็นได้  เพราะดาวอังคารนี้จะมีความเจ้าเล่ห์และมีความคิดแบบนอกกรอบกติกา   แต่ถ้าปัญหาเกิดความรุนแรงมากเกินไปก็จะละทิ้งไม่ให้ความสนใจได้อย่างหน้าตาเฉย


ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีมีน  ทำให้ดาวอังคารมีนิสัยอ่อนโยนยอมอยู่ในกรอบของสังคมและกติกาได้เป็นอย่างดี  มีความนอบน้อมเชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่นิยมการโต้แย้งไม่ว่าจะกับผู้ใหญ่หรือกับผู้ใด  ปัญหาที่เกิดจากดาวพุธที่เป็นเรื่องรุนแรง  ทำให้เจ้าชะตาต้องคอยพึ่งพาอาศัยผู้ใหญ่ให้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไข  เมื่อใดที่ถูกต่อว่าหรือมีความขัดแย้งด้านความคิดอย่างรุนแรง  ก็จะหลบไปหามุมสงบไม่กล้าปะทะต่อสู้ถกเถียงแต่อย่างใด   หรือถ้ามองในมุมบวกมากๆก็อยู่ในเกณฑ์ของผู้ที่หลบหนีปัญหาด้วยการเข้าหาธรรมะก็ได้เช่นกัน

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทำนายประจำสัปดาห์

                                        ทำนายดวงชะตารายสัปดาห์ จากลัคนาในทุกราศี



ในกรกณีที่ไม่ทราบลัคนาก็คลิกเข้าไปดูได้ที่หน้ากระดานผูกดวงชะตานี้ http://www.payakorn.com/lukana.php

และในวันเกิดสามารถรับคำทำนายฟรีโดยการเข้าไปคลิกไลค์ที่เพจน์นี้  https://www.facebook.com/thanan4astro

ถ้าถูกใจการทำนายช่วยคลิกลิงค์นี้ http://on.fb.me/1BP6BfS  เพื่อเป็นการส่งเสริม blog ให้ลงคำทำนายต่อไปได้นานๆครับ


ท่านใดต้องการเบอร์โทรเลขมงคลก็ติดต่อได้โดยตรงที่เบอร์ 098-3044406 





               






สัปดาห์นี้ขออนุญาตงดการให้คำทำนาย  เนื่องจากติดภาระกิจส่วนตัวครับ

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ดวงตัวอย่างที่ 5 (มุมร้ายจากเรือนเสีย)

ดวงชะตาที่โดนโทษจากมุมดาวในเรือนเสีย 
(ดวงชะตานี้มีประโยชน์ในการอ่านพื้นดวงอย่างมาก  ผมอาจจะทยอยนำความหมายของเรือนอื่นมาอ่านเพิ่มเติมในคราวต่อไป)

         เจ้าชะตาเป็นเพศชาย(มาขอให้ทำนายดวงชะตาเมื่อปี 54)  ผมได้ขออนุญาตเจ้าชะตาเอาไว้แล้วว่าจะนำดวงของเขามาเป็นดวงครู เพราะเห็นว่าเป็นดวงชะตาที่มีประโยชน์.. ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธ   แต่ผมขออนุญาตปกปิดดาวบางดวงและปิดองศาตากลาง    ดวงชะตานี้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากสถาบันของรัฐฯ ที่เด็กผู้ชายเกือบทุกคนมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเรียนในสถาบันนี้    เมื่อเรียนจบก็ได้เกรดที่ดีจึงออกมาทำงานโดยได้ประจำอยู่ในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ  ในช่วงแรกคือท้องที่ลุมพินีและเมื่อตอนที่เกิดปัญหาใหญ่ก็อยู่ในท้องที่ทองหล่อ   โดยตำแหน่งหน้าที่การงานทำให้มีความใกล้ชิดทั้งเรื่องลาภผลเงินทอง,อบายมุขและสตรีเพศ    เมื่อพิจารณาดาวทั้งหมดในดวงชะตาเราสามารถเห็นจุดเปราะของดวงชะตา    ด้วยอิทธิพลของดาวที่มีมุมสัมพันธ์จากเรือนเสียและเป็นราศีธาตุที่แรงจึงทำให้เจ้าชะตาไม่สามารถที่จะรับราชการได้นานนัก  ต้องออกจากราชการด้วยวัยที่ยังหนุ่มแน่นและนับจนถึงวันที่เข้ามาขอคำทำนายดวงชะตาก็ยังไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง   แถมยังต้องโยกย้ายที่อยู่อาศัยบ่อยๆเพื่อหลบเจ้าหนี้อีกด้วย 

       
         เจ้าชะตามีลัคนาราศีกรกฎ ดาวจันทร์ตนุลัคน์สถิตราศีมิถุนกุมดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริ-ศุภะ   มีดาวเสาร์เจ้าเรือนปัตนิตรีโกณจากราศีกุมภ์เรือนมรณะ  และมีดาวอาทิตย์เจ้าเรือนกดุมภะตรีโกณจากราศีตุลย์เรือนพันธุ   มีดาวอังคารเจ้าเรือนปุตตะ-กัมมะ และดาวศุกร์เจ้าเรือนพันธุ-ลาภะ ร่วมเล็งจากราศีธนูเรือนอริ     ในราศีสิงห์เรือนกดุมภะมีดาวเกตุและดาวมฤตยูสถิต    เมื่อเห็นรูปดาวทั้งหมดแล้วจะเห็นว่าดาวตนุลัคน์โดนบีบจากมุมเล็งคือดาวอังคารและดาวศุกร์  มุมโยคจากดาวเกตุและดาวมฤตยู  ส่วนมุมตรีโกณจากดาวเสาร์และดาวอาทิตย์ด้วยเช่นกัน    แม้ตนุลัคน์จะมีดาวพฤหัสกุมอยู่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้มากนัก   เหมือนมีคนคุ้มกันอยู่คนเดียวแต่มีศัตรูเข้ามารุมล้อมเพื่อทำร้ายถึง 5-6 คน  ทำให้ผู้คุ้มครองคนเดียวนั้นไม่สามารถต้านทานได้  
         เจ้าชะตาในวัยเรียนถือว่าเป็นเด็กที่ขยันและเรียนเก่ง   ตรงนี้เราจะพิจารณาด้วยดาวอังคารเจ้าเรือนปุตตะที่หมายถึงชีวิตในช่วงวัยเด็กหรือวัยเรียน (เมื่อเรียนจบแล้วได้ทำงานจึงกลับมาเป็นดาวจันทร์ตนุลัคน์เต็มตัว)     ดาวอังคารสถิตราศีธนูแสดงว่าเป็นเด็กขยันและมีความมุ่งมั่นตั้งใจเรียน แต่ดาวอังคารในราศีนี้เป็นดาวอังคารที่ร้อนรนอึดอัดกับกฎระเบียบหรือมีพฤติกรรมที่ต่อต้านผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน  แต่พฤติกรรมต่อต้านนั้นจะไม่รุนแรงก็เพราะตนุลัคน์ที่เป็นดาวจันทร์มีดาวพฤหัสกุมอยู่จึงกดพฤติกรรมพื้นฐานไม่ให้เกิดความก้าวร้าวมากนัก   ทำให้สามารถทนอยู่ในกฎเกณฑ์แบบสภาวะจำยอมไม่แสดงการขัดขืนต่อต้านตามที่ต้องการ   ดังนั้นพฤติกรรมของดาวอังคารที่ไม่ได้ออกในแนวก้าวร้าวจึงถูกกระตุ้นให้อยู่ในรูปแบบของความขยันตั้งใจเรียน  เพราะดาวอังคารชอบการแข่งขันหรือต้องการเอาชนะในนิสัยเดิมเมื่อมาอยู่ในราศีของการศึกษาจึงส่งผลที่ดีในด้านนี้   อาจจะมีเกเรอยู่บ้างก็เฉพาะเมื่ออยู่กับเพื่อนฝูง  แต่จะไม่กล้าก้าวร้าวกับครูหรือผู้ปกครอง   ดาวอังคารที่มีดาวศุกร์กุมอยู่นี้จึงทำให้ได้รับธาตุน้ำที่มาบรรเทาอารมณ์ร้อนๆลงได้บ้าง  ดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนพันธุจึงแสดงว่าได้รับการดูแลให้ความสุขจากมารดาอยู่เช่นกัน  ในส่วนนี้จึงน่าจะเป็นสาเหตุให้เจ้าชะตาลดทอนความกดดันลงได้    แต่ถ้าเราอ่านดาวศุกร์เจ้าเรือนพันธุที่ไปสถิตราศีธนูเรือนธาตุไฟในมุมมองด้านครอบครัว  ก็แสดงถึงเจ้าชะตามีครอบครัวที่ขยันขันแข็งและเจ้าระเบียบ  ซึ่งผู้ใหญ่ในครอบครัวจะให้ความสำคัญด้านการศึกษาของเจ้าชะตาอย่างจริงจัง   ตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีแต่เจ้าชะตารู้สึกไม่ค่อยชอบและอึดอัด(เพราะดาวศุกร์เล็งดาวจันทร์) 
         เมื่อตามดูดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริไปสถิตราศีมิถุนเรือนวินาสน์   ถ้าอ่านในมุมบวกที่ส่งต่อมาจากดาวอังคารก็จะหมายถึง  เจ้าชะตาเป็นเด็กที่ฉลาดมีความสามารถเรียนรู้ได้หลายด้าน  เพราะดาวพฤหัสในราศีธาตุลมนั้นจะไม่ปิดกั้นในด้านการแสวงหาความรู้   หากมองในมุมด้านลบก็จะหมายถึงความต้องการผ่อนคลายกฎระเบียบที่ตนเองได้รับจากครอบครัวหรือจากโรงเรียน  ซึ่งนั่นก็คือการหาวิธีหลบเลี่ยงข้อบังคับหรือการหาคำแก้ตัวเมื่อยามที่ตนเองกระทำผิดกฎระเบียบ   ถ้าจะมองเฉพาะความหมายของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่มาสถิรราศีมิถุนเรือนวินาสน์ก็หมายถึง ปัญหาเกิดจากการไม่ใส่ใจในระเบียบข้อบังคับและเมื่อเกิดปัญหาก็จะแก้ด้วยความคิดที่ไม่ถูกต้อง  หรือหาทางแก้ตัวให้ทุกอย่างผ่านพ้นเพื่อให้ปัญหาจบสิ้นไปไม่สนใจที่จะแก้ไขอย่างจริงจัง 
 
         คราวนี้เราจะมาดูในเรื่องที่เกี่ยวกับตนุลัคน์เพื่อจะทำให้ทราบว่าทำไมดวงชะตานี้เกิดปัญหารุนแรง   ตนุลัคน์เป็นดาวจันทร์ที่สถิตราศีมิถุนเรือนวินาสน์ จะหมายถึงผู้ที่มีความคล่องแคล่ว  มีไหวพริบ  มีความอ่อนไหวในจิตใจ  มีจินตนาการเพ้อฝันเลื่อนลอย  เป็นผู้ที่มีความลับในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน  เป็นผู้ที่ไม่มีความมั่นคงในจิตใจและถูกโน้มน้าวให้หลงผิดได้ง่าย    ผลจากดาวพฤหัสที่มากุมก็สามารถจะทำให้ดาวจันทร์นี้มีความเข้มแข็งขึ้นได้บ้าง   แต่ความเข้มแข็งนี้เป็นผลที่เกิดจากผู้ใหญ่หรือต้องอยู่ในกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดจึงจะเกิดผลดี   เมื่อไหร่ที่เจ้าชะตาไม่อยู่ในวินัยหรือไม่อยู่ในกติกาก็จะต้องถูกกลุ่มดาวที่ทำมุมร้ายๆส่งผลเสียได้ในทันที(ผลเสียตรงนี้จะเกิดเมื่อมีดาวโคจรมากระทบ)   ดังนั้นเมื่อเราได้เห็นพื้นฐานของดวงชะตาเช่นนี้ก็ทำให้ทราบในเบื้องต้นได้ว่า เจ้าชะตามีแนวโน้มของชีวิตที่จะต้องเกิดความพลิกผันและสามารถได้รับผลร้ายจากดาวหลายดวง    ผมจะอธิบายผลเสียที่เกิดจากดาวในแต่ละมุม(เล็ง,ตรีโกณ,โยค)โดยแยกแยะดังนี้
         1. มุมเล็งจากเรือนอริ  ในเรือนอริราศีธนูมีดาวอังคารและดาวศุกร์สถิต  ในมุมนี้จะมีผลที่รุนแรงเพราะเกิดจากราศีธาตุไฟที่ส่งผลไปสู่ดาวตนุลัคน์   เป็นเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน  และที่สำคัญคือเป็นผลร้ายที่เกิดจากกฎระเบียบกติกาหรือเกิดจากผู้ใหญ่(ราศีธนูมีความหมายว่าระเบียบ,ผู้ใหญ่,วัฒนธรรมประเพณี,การศึกษา ฯลฯ)      ผลจะเป็นอย่างไรบ้างก็ดูจากดาวอังคารเป็นดวงแรก  ดาวอังคารเป็นดาวที่หมายถึงความก้าวร้าว,โทสะ,การใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล  ดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนปุตตะ-กัมมะ (ซึ่งเราได้อ่านความเป็นเจ้าเรือนปุตตะในเรื่องของวัยเด็กวัยเรียนไปแล้ว)   ในที่นี้จะอ่านเจ้าเรือนปุตตะในเรื่องของบริวารซึ่งหมายถึงบริวารจะให้โทษ   เจ้าชะตาจะมีบริวารที่ขยัน-ฉลาดแต่วู่วามและจะเป็นตัวสร้างปัญหาให้แก่เจ้าชะตา    ในความเป็นเจ้าเรือนกัมมะเราจะอ่านในเรื่องของสภาวะการทำงานที่ต้องเกิดผลเสียในเรื่องของวินัยหรือกฎระเบียบ   โดยความหมายเฉพาะของดาวอังคารเจ้าเรือนกัมมะในราศีธนูเรือนอริ เราสามารถอ่านได้ว่าสภาวะการทำงานที่ต้องจริงจัง ต้องใช้ความรู้ความสามารถอย่างสูง ต้องอยู่ในกรอบของกฎระเบียบ  ต้องอยู่ในคำสั่งของผู้ใหญ่อย่างเข้มงวด   เมื่อเราอ่านถึงตรงนี้แล้วมองกลับไปที่ตนุลัคน์ก็จะเห็นว่าเจ้าชะตาไม่ได้มีพื้นฐานของนิสัยที่รองรับสภาวะการงานได้ดีนัก(จะมีแต่สภาวะในวัยเด็กวัยเรียนที่รองรับสภาวะเช่นนี้ได้)    เมื่อทำงานไปนานวันเข้าก็จะเกิดแรงกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆแก่เจ้าชะตา 
         ในส่วนของดาวศุกร์ที่เป็นเจ้าเรือนพันธุ-ลาภะ (พันธุที่หมายถึงมารดาและครอบครัวได้กล่าวไปแล้ว)  ในมุมของความเป็นเจ้าเรือนลาภะก็จะอ่านได้ว่าเจ้าชะตาต้องการหาลาภผลอย่างง่ายๆ แต่การจะรับเข้ามาได้นั้นต้องอยู่ในกรอบของระเบียบกติกาอย่างเคร่งครัด   ดังนั้นถ้าหากเมื่อไหร่ที่เจ้าชะตาเกิดความโลภและอ่อนไหวไปกับกิเลสก็จะเกิดผลเสียได้ในทันที (ซึ่งดาวจันทร์ตนุลัคน์ก็มีความผันผวนอ่อนไหวอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย)    ดังนั้นดาวที่สถิตในเรือนอริราศีธนูนี้จะส่งผลเสียต่อเมื่อเกิดการกระทำที่ขัดต่อระเบียบหรือกฎหมาย   แต่ถ้ากระทำได้ถูกต้องในกฎระเบียบก็จะส่งเป็นผลดีให้แก่ดาวจันทร์(แต่ก็ยังมีผลเสียก็คือเกิดความอึดอัดเป็นอย่างมาก) 
         ที่สำคัญคือดาวทั้งสองในเรือนอริยังถูกผลร้ายทางมุมตรีโกณจากดาวเกตุและดาวมฤตยูที่สถิตราศีสิงห์เรือนกดุมภะ   รวมถึงได้รับมุมโยคจากดาวเสาร์ที่สถิตราศีกุมภ์เรือนมรณะ   ผลจากมุมทั้งสองจึงคอยส่งผลเสียให้แก่ดาวในเรือนอริ        
         2.  มุมตรีโกณจากเรือนมรณะ    ดาวเสาร์เจ้าเรือนปัตนิสถิตในราศีกุมภ์เรือนมรณะทำมุมตรีโกณส่งผลจากเรือนธาตุลมให้ดาวจันทร์เกิดความผันผวนมากยิ่งขึ้น    ผลเสียที่เกิดจากเรือนมรณะที่ทำมุมถึงตนุลัคน์ก็คือมีการโยกย้าย,การสิ้นสุด,การเดินทางไกล ฯลฯ   ดังนั้นต้นเหตุที่จะทำให้เกิดผลแห่งมรณะก็คือดาวเสาร์เจ้าเรือนปัตนิ   แสดงว่าเจ้าชะตาจะต้องได้รับผลในทางเสียหายเช่นต้องโยกย้าย,สิ้นสุด,หรือมีการเดินทางไกล อันเกิดจากเพศตรงข้าม  หรืออย่างน้อยในชีวิตก็ต้องมีการพลัดพรากจากคู่ครองเกิดขึ้นอย่างแน่นอน    และดาวเสาร์นี้ยังได้รับผลทางมุมโยคจากราศีธนูที่มีดาวอังคารและดาวศุกร์สถิตอยู่  จึงพออ่านได้ว่าผลเสียจากเพศตรงข้ามนั้นอาจมีความเกี่ยวข้องในการงานและลาภผลโดยมีส่วนประกอบของข้อบังคับหรือกฎระเบียบอยู่ด้วย    และดาวเสาร์ก็ถูกดาวเกตุและดาวมฤตยูในราศีสิงห์ทำมุมเล็ง จึงเกิดเรื่องราวเสียหายและมีความเคร่งเครียดจากด้านการเงินขึ้นมาอีก     
         3.  มุมโยคจากเรือนกดุมภะ     ดาวเกตุและดาวมฤตยูที่สถิตในราศีสิงห์เรือนกดุมภะ   ดาวทั้งสองในเรือนราศีนี้จะส่งผลด้านลบอย่างรุนแรงแก่ดาวที่มีมุมสัมพันธ์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง  และดาวที่มีมุมสัมพันธ์กับดาวทั้งสองนี้ล้วนแต่เป็นดาวที่สำคัญในดวงชะตาอีกด้วยคือ ตนุลัคน์โดนมุมโยค  ดาวอังคารและดาวศุกร์ที่สถิตในเรือนอริโดนมุมตรีโกณ ,  ดาวเสาร์สถิตเรือนมรณะโดนมุมเล็ง      เพราะราศีสิงห์เป็นเรือนธาตุไฟและเป็นเรือนกดุมภะที่ควบคุมด้านการเงินของเจ้าชะตา  เมื่อส่งผลร้ายในดวงชะตาก็ทำให้การเงินเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสำคัญให้เกิดผลเสียทั้งสามจุดอย่างรุนแรง
         4.  มุมตรีโกณจากเรือนพันธุ    ดาวอาทิตย์เจ้าเรือนกดุมภะสถิตในราศีตุลย์เรือนพันธุ   ดาวอาทิตย์ในราศีตุลย์นี้แสดงถึงการหาและใช้จ่ายการเงิน   จึงอ่านได้ว่าการหารายได้ของเจ้าชะตามีเป้าหมายที่ไม่มั่นคง  และมีการใช้จ่ายเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินมากเกินไป   ในส่วนของดาวอาทิตย์เจ้าเรือนกดุมภะที่สถิตเรือนพันธุนี้หากจะอ่านว่าเป็นการนำเงินไปใช้จ่ายกับครอบครัวได้หรือไม่   โดยปกติแล้วดาวที่ไปสถิตราศีตุลย์มักแสดงพฤติกรรมที่แสวงหาความสุขสนุกสนาน  ไม่ได้บ่งบอกถึงความรับผิดชอบแต่อย่างใด   ในส่วนนี้เราจึงต้องดูที่พฤติกรรมของตนุลัคน์เสียก่อนว่ามีความรับผิดชอบแค่ไหน  เพราะถ้าตนุลัคน์มีความรับผิดชอบก็แสดงถึงการนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัวและมีความสุขในการได้พาครอบครัวไปท่องเที่ยว   แต่ดาวจันทร์ตนุลัคน์ของดวงชะตานี้สถิตในราศีมิถุน(ธาตุลม)เรือนวินาสน์   ไม่ได้แสดงถึงการมีความผิดชอบมากมายแต่อย่างใด   แม้จะมีผลของดาวพฤหัสที่มากุมก็ไม่ได้สร้างผลดีได้มากนักเนื่องจากมีผลจากดาวในเรือนเสียทำมุมร้ายแก่ตนุด้วย    เราจึงต้องอ่านดาวอาทิตย์ที่มาสถิตในราศีตุลย์เรือนพันธุนี้ว่า  มีการช่วยเหลือดูแลค่าใช้จ่ายในครอบครัวอยู่บ้างแต่ก็เป็นไปตามอารมณ์ของเจ้าชะตา  ถ้าอารมณ์ดีก็ให้อย่างดีและยังพาไปเที่ยวอีกด้วย  แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ยังให้เช่นเดิมแต่ไม่ได้ให้มากมายนัก   ดังนั้นดาวอาทิตย์เจ้าเรือนกดุมภะนี้จึงมองได้ว่าเจ้าชะตามีรายได้ที่ไม่มั่นคงแถมยังมีการใช้จ่ายสบายๆตามอารมณ์    และด้วยเหตุที่ตนุลัคน์สถิตเรือนวินาสน์เมื่อเกิดผลตรีโกณจากเรือนพันธุ  และเป็นการตรีโกณจากราศีธาตุลม(ผสมกับการตรีโกณจากเรือนมรณะด้วย)  จึงทำให้เจ้าชะตาไม่ค่อยได้อยู่บ้านหรือต้องโยกย้ายอยู่ไม่เป็นที่
         ดาวอาทิตย์มีมุมสัมพันธ์จากดาวในเรือนเสียจึงทำให้การเงินถูกเพิ่มความเสียหายมากขึ้น   เช่นดาวเสาร์ที่ตรีโกณจากราศีกุมภ์เรือนมรณะก็เป็นเรื่องของการใช้จ่ายที่ไม่มีวินัย,ไม่มีสาระ,ถูกบังคับให้จ่ายหรือรายจ่ายที่เกิดจากปัญหาบางประการ  และยังเป็นการใช้จ่ายให้แก่เพศตรงข้ามได้อีกด้วย(ตรงนี้เมื่ออ่านดาวจรในคราวต่อไปจะเห็นผลร้ายได้อย่างชัดเจน)    ส่วนดาวเกตุและดาวมฤตยูที่โยคจากราศีสิงห์ก็ร่วมกระตุ้นผลร้ายให้เกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น     ดาวอังคารและดาวศุกร์ที่โยคจากราศีธนูก็เป็นผลเสียที่รุนแรงในเรื่องของคดีความหรือการผิดกฎระเบียบ     (ดาวอาทิตย์ในราศีตุลย์ของดวงชะตานึ้นับว่าทำงานในตำแหน่งนิจได้อย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียวคือทั้งเสื่อมยศ,เสียชื่อเสียง,ไม่มีเกียรติ)
                   

         ในคราวหน้าจะเข้ามาอธิบายดาวโคจรที่ร่วมกันส่งผลร้ายแก่ดวงชะตานี้ให้ทราบอีกต่อไปครับ

      

ไหว้ครูโหราศาสตร์

            การไหว้ครูควรทำในวันขึ้น 15 ค่ำ  โดยนำทองคำเปลวมาปิดที่ตำรา 3 แผ่น เตรียมดอกบัว 9 ดอกเพื่อถวายพระ   เมื่อจุดธูป 9 ดอกต่อหน้าพระบูชาที่บ้านแล้วให้ทำดังต่อไปนี้ 

         ไหว้ครูโหราศาสตร์
          การไหว้ครูโหราศาสตร์  คือการปฏิบัติเพื่อระลึกถึงพระอาจารย์โหรทั้ง ๕ และครูอาจารย์ทุกท่าน

              คาถาไหว้ครู
 ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วจึงกล่าวคำต่อไปนี้  
“ เสฏฐันติ  รัตตะนัง  โลเก  อันทิตะวา  ปะการะนัง  วิมัง  เลขะสมุทะยัง  ปริสายะ  ยะถาพลัง ”  (๓ จบ )

          คำนมัสการพระฤาษี
“ นะมัสสิตะวา   อิสี  สิทธิโลกะนากัง  อนุตตะรัง  อิสึจะ  วัฒนะ  อะหัง  วันทามิตัง  อิสิง ”         ( ๓ จบ )

            คำบูชาครูอาจารย์
“ อะมะหัง  ครูอาจาริยัง  สะระณัง  คะโต  อิมินา  สักกาเรนะ  ตัง  ครูอาจาริยัง  อิภิปูชะยามิ ”   ( ๓ จบ )

เสร็จแล้วก็ให้ระลึกถึงพระอาจารย์โหรทั้ง ๕ ท่านคือ
         ๑.  พระอัญญาโกณฑัญญะ มหาเถร
         ๒.  พระวังคีสะ มหาเถร
         ๓.  พระอุตตะมะรา มหาเถร
         ๔.  พระอุมะทุมพร มหาเถร
         ๕.  พระอุตตะมะมังคลาจารย์
พร้อมกับให้ระลึกถึงครูบาอาจารย์ทั้งท่านที่ได้เคยสอนสั่งด้วยตนเอง  หรือตัวเรานำความรู้ของท่านมาใช้    โดยก่อนที่จะทำการศึกษาหรือทบทวนในแต่ละครั้งก็ควรจะทำการกราบไหว้และระลึกครูบาอาจารย์  ให้ท่านทั้งหลายโปรดได้จงดลบันดาลเพื่อการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ได้สำเร็จผลลุล่วง  มีผลสมประสงค์ทุกประการเทอญ  


ทักษาและการตักบาตรตามวันเกิดเพื่อเสริมดวง

                 ทักษา
อักษรและสีและทิศที่ของวันตามทักษา
           อาทิตย์                อะ  อา  อิ  อี  อุ  อู  เอ  โอ        สีแดง  เลือดหมู           ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ   
           จันทร์                  ก  ข  ค  ฆ  ง                            สีขาว                           ทิศตะวันออก
           อังคาร                 จ  ฉ  ช  ซ  ฌ  ญ                สีชมพู  สีน้ำตาล          ทิศตะวันออกเฉียงใต้
           พุธ (กลางวัน)     ฎ  ฏ  ฐ  ฑ  ฒ  ณ               สีเขียว                   ทิศใต้
 (ราหู) พุธ (กลางคืน)     ย  ร  ล  ว                       สีเทา  สีเปลือกมังคุด  ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
           พฤหัส                บ  ป  ผ  ฝ  พ  ฟ  ภ  ม          สีเหลือง  สีส้ม             ทิศตะวันตก
           ศุกร์                     ศ  ษ  ส  ห  ฬ  ฮ                สีน้ำเงิน  สีฟ้า         ทิศเหนือ
           เสาร์                    ด  ต  ถ  ท  ธ  น                สีดำ  สีม่วง            ทิศตะวันตกเฉียงใต้
  หากต้องการเสริมดวงชาตาในเรื่อง ความรักควรจัดหาดอกไม้สดหรือดอกไม้ประดิษฐ์ 8 ช่อ ตั้งกลางบ้าน

บริวาร           หมายถึง      บุตร  สามี  ภรรยา  คนในอุปการะ 
อายุ                หมายถึง     สุขภาพ  วิถีทางแห่งการดำเนินชีวิต
เดช                หมายถึง      อำนาจ  วาสนา  เกียรติยศชื่อเสียง  ตำแหน่งหน้าที่การงาน  การเรียน  ความรักใคร่  ความรุนแรง   
                                         อุบัติเหตุ
ศรี                  หมายถึง     ความสำเร็จ  ความราบรื่น  ลาภผล  โชคลาภที่เป็นสิ่งของต้องใช้
มูละ               หมายถึง     หลักฐาน  ทรัพย์สินทั้งหลาย  ทั้งปัจจุบันและมรดก
อุตสาหะ        หมายถึง     ภาระ  การงาน  อาชีพ  ความขยันหมั่นเพียร  ผลสำเร็จ  ทิฐิมานะ
มนตรี            หมายถึง      ผู้อุปถัมภ์  ผู้บังคับบัญชา  บิดา  มารดา  สามี

กาลกิณี          หมายถึง      อุปสรรค  ความเดือดร้อน  โชคร้าย  เคราะห์กรรม  ศัตรู  ความเสียหาย

พระประจำวันเกิด
              วันอาทิตย์                พระปางถวายเนตร, เสด็จกรมหลวงชุมพรฯ, พระแก้วมรกต   โดยถ้าเป็นพระเครื่องที่ติดตัวก็ควรเป็นพระที่ผ่านความร้อนจากไฟเพื่อเป็นการหนุนธาตุประจำตัวโดยเฉพาะพระเครื่องปางมารวิชัย เนื่องจากผู้เกิดวันอาทิตย์มักมีศัตรูหรืออริอยู่เนืองๆ     ส่วนองค์เทพที่ควรบูชาคือองค์พระศิวะ
การเสริมบารมีควรมีรูปปั้นราชสีห์ขลิบทองตั้งหรือประดับไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ  จะทำให้มีอำนาจและเจริญรุ่งเรืองอุปสรรคต่างๆก็จะคลี่คลายได้ดี     
              วันจันทร์                 พระปางห้ามญาติ หรือห้ามสมุทร , พระสีวลี , พระแก้วมรกต , หลวงปู่ทวด  ส่วนพระเครื่องทีพกติดตัวควรเป็นพระตระกูลยอดขุนพล เนื้อองค์พระทำด้วยตะกั่วหรือดีบุก ชินเงิน ตะกั่วสนิมแดง เพื่อเสริมอำนาจบารมี  ส่วนองค์เทพที่ควรบูชาคือพระอุมาเทวี
การเสริมบารมีควรมีรูปปั้นม้าตั้งหรือประดับไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยให้ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จะทำให้เกิดความรุ่งเรืองเจริญก้าวหน้า 
              วันอังคาร                พระปางไสยาสน์ , เสด็จพ่อรัชกาลที่๕ , นางกวัก   ส่วนพระเครื่องพกติดตัวควรเป็นพระผงพุทธคุณที่ไม่ได้ผ่านความร้อน เช่นพระผงสมเด็จฯทุกตระกูล , พระปิลันธน์(วัดระฆัง,วัดสามปลื้ม), พระวัดท้ายตลาด, พระวัดพลับ, พระผงวัดปากน้ำภาษีเจริญ  ซึ่งจะทำให้จิตใจสงบเยือกเย็นเป็นสมาธิและบรรเทาโทสจริตให้ลดน้อยลง  ส่วนองค์เทพที่ควรบูชาคือพระขันทกุมาร เพื่อข่มให้ศัตรูทั้งหลายพ่ายแพ้ไป
ส่วนการเสริมบารมีควรมีรูปปั้นกระบือ(วัวหรือควาย) หรือเหรียญพิธีแรกนาขวัญเก็บไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน 
              วันพุธ (กลางวัน)     พระปางอุ้มบาตร, หลวงพ่อปาน, หลวงปู่ทวด  ส่วนพระเครื่องที่พกติดตัวควรเป็นพระปางลีลาหรือปางเสด็จกลับจากดาวดึงส์ เช่นพระลีลาเม็ดขนุน ลีลาพลูจีบ ลีลากลีบจำปา ลีลาเมืองสวรรค์ชัยนาท ฯลฯ    ส่วนองค์เทพที่ควรบูชาคือพระนารายณ์ เพื่อขจัดภัยพิบิติและช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย
ส่วนการเสริมบารมีควรรูปปั้นช้างขลิบทองประดับที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ จะทำให้เกิดความร่มเย็นและนำโชคลาภมาให้
              ราหู (พุธกลางคืน)   พระปางป่าเลไลยก์ , พระแก้วมรกต , องค์เสด็จพ่อรัชกาลที่๕  ส่วนพระเครื่องพกติดตัวควรเป็นพระพิมพ์ที่อาราธนาปลุกเสกแล้ว และควรเสริมด้วยเครื่องรางเพื่อป้องกันอาถรรพณ์ต่างๆเช่น ราหูอมจันทร์หลวงพ่อน้อย, ตะกรุด, ลูกอมผงพุทธคุณต่างๆ   ส่วนองค์เทพที่ควรบูชาคือพระนารายณ์
ส่วนการเสริมบารมีควารมีรูปปั้นครุฑประดับที่บ้านหรือทำงาน จะทำให้สิ่งไม่ดีทั้งหลายแพ้พ่ายไป
              วันพฤหัส                พระปางนั่งขัดสมาธิ, พระแก้วมรกต, หลวงพ่อโสธร, หลวงพ่อโต, หลวงปู่ทวด, ฤๅษี, องค์เสด็จพ่อรัชกาลที่๕  ส่วนพระเครื่องพกติดตัวคือพระปางเปิดโลก   ส่วนองค์เทพที่ควรบูชาคือพระแม่สุรัสวดี
ส่วนการเสริมบารมีควรมีรูปปั้นกวางหรือม้าประดับไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน เพื่อความโชคดีและเสริมด้านความรัก
              วันศุกร์                    พระปางทรงรำพึง, พระแก้วมรกต, พระนอน   ส่วนพระเครื่องที่ควรพกติดตัวคือพระปิดตาภควัมปติหลวงพ่อแก้ว จ.ชลบุรี ,  พระภควัมปติหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง   ส่วนองค์เทพที่ควรบูชาคือพระแม่ลักษมี เพื่อความสุขในครอบครัวและความสำเร็จในการงาน
ส่วนการเสริมบารมีควรมีรูปปั้นโคหรือรูปปีเกิดของตนประดับไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน
              วันเสาร์                    พระปางนาคปรก, เสด็จพ่อรัชกาลที่๕, พระสังกัจจายน์, พระนารายณ์   ส่วนพระเครื่องพกติดตัวควรเป็นพระที่ทำจากว่าน เช่นพระว่านหลวงปู่ทวด, พระกำแพงว่านหน้ากอง-หน้าเงิน , พระว่านจำปาศักดิ์, พระมหาว่านขาว-มหาว่านดำ  ส่วนองค์เทพที่ควรบูชาคือพระพิฆเนศวร์
ส่วนการเสริมบารมีควรมีรูปปั้นเสือประดับไว้ที่บ้านหรือที่โต๊ะทำงาน

วันอาทิตย์    เทพยดาวันอาทิตย์ทรงราชสีห์เป็นพาหนะ
          เสริมบารมีโดยตั้งรูปปั้นหรือประดับรูปราชสีห์ขลิบทองไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน   ให้ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ จะทำให้อุปสรรคต่างๆคลี่คลายได้ดี เนื่องจากเชื่อว่าราชสีห์เป็นสัตว์ที่มีอำนาจ ก็จะทำให้ตนเองมีอำนาจและเจริญรุ่งเรือง
      สีเสื้อผ้าเสริมดวงคือ แดง ชมพู และเขียว      อัญมณีเสริมดวงคือ  ทับทิม
         ทำบุญเสริมดวงโดย   นำกล้วย ๑ หวี และมะพร้าวอ่อน ๑ ลูก  ไปบูชาพระประธานไนโบสถ์    จะทำให้เรื่องที่ยุ่งยากต่างๆจะกลับกลายเป็นง่ายขึ้น และความทุกข์ร้อนต่างจะถูกล้างให้หมดสิ้นออกไปด้วยมะพร้าวอ่อน

วันจันทร์     เทพยดาวันจันทร์ทรงม้าเป็นพาหนะ
          เสริมบารมีโดยการตั้งรูปปั้นหรือประดับรูปม้าไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงาน  โดยให้หันหน้าไปยังทางออกของบ้าน จะทำ ให้มีความก้าวหน้าในธุรกิจการงาน
          สีเสื้อผ้าเสริมดวงคือ ขาวนวล ขาวเหลือง และเขียว   อัญมณีคือ เพชร
          ทำบุญเสริมดวงโดย  ซื้อน้ำมันไปเติมตะเกียงที่วัด  สร้างบริจาคอุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างให้วัด  จะทำให้ท่านมี ความเจริญรุ่งเรือง และประสบความสำเร็จ

วันอังคาร    เทพยดาวันอังคารทรงกระบือเป็นพาหนะ
          เสริมบารมีโดยการตั้งรูปปั้นหรือประดับรูปกระบือในพิธีแรกนาขวัญ  หรือพกเหรียญในพิธีแรกนาขวัญติดตัวหรือเก็บไว้ที่บ้านที่ทำงาน เชื่อว่าจะทำให้มีความสมบูรณ์พูนสุข
          สีเสื้อผ้าเสริมดวงคือ สีเหลือง ม่วง และสีดำ     อัญมณีคือ โกเมน
          ทำบุญเสริมดวงโดย หาส้ม ๘ ลูกไปบูชาพระในโบสถ์หรือหิ้งพระที่บ้าน จะทำให้พบแต่ความสำเร็จ

วันพุธ (กลางวัน)   เทพยดาวันพุธทรงคชสารเป็นพาหนะ
          เสริมบารมีโดย  ตั้งรูปปั้นช้างแก้วขลิบทอง หรือประดับรูปช้างไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยควรให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ  จะทำให้มีความร่มเย็นเป็นสุข  เพราะช้างสามารถนำโชคลาภและความสงบสุขมาให้แก่บ้านเมืองได้
         สีเสื้อเสริมดวงคือ สีเหลือง เขียว และน้ำเงิน     อัญมณีคือ มรกต
         ทำบุญเสริมดวงโดย ให้ชีวิตสัตว์เช่นปล่อยปลา หรือสัตว์ต่างๆที่จะถูกฆ่า  เพื่อจะนำพาความไม่ดีทั้งหลายในชีวิตตนไปกับสัตว์ที่ปล่อย
วันพุธ(กลางคืน)    เทพยดาพระราหูทรงครุฑเป็นพาหนะ
           เสริมบารมีโดย ตั้งรูปปั้นหรือประดับรูปครุฑไว้ในบ้านหรือที่ทำงาน   เพื่อให้สิ่งไม่ดีทั้งหลายพ่ายแพ้ด้วยฤทธิ์พญาครุฑ
          สีเสื้อเสริมดวงคือ สีส้ม สีขาว      อัญมณีคือ นิล มรกต
          ทำบุญเสริมดวงโดย การไหว้พระราหู หรือซื้อเทียนหรือหลอดไฟฟ้าไปถวายวัด    จะทำให้เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี ด้วยบารมีพระราหู
วันพฤหัสบดี   เทพยดาวันพฤหัสฯทรงกวางเป็นพาหนะ
          เสริมบารมีโดย ตั้งรูปปั้นกวาง,ม้าหรือประดับรูปกวาง,รูปม้า ไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน  เพราะเป็นตัวแทนด้านความรักและความโชคดี
          สีเสื้อเสริมดวงคือ เหลือง ส้ม น้ำเงิน และขาว       อัญมณีคือ หยก ทอง
          ทำบุญเสริมดวงโดย ไปนมัสการขอพรไหว้เทพที่วัดมณเฑียร(ตรงข้ามวัดสุทัศน์) นำพวงมาลัยดอกดาวเรืองไปถวาย และควรไปวันพฤหัสฯขึ้น ๙-๑๕ ค่ำ จะทำให้เจริญรุ่งเรืองและอุปสรรคต่างๆจะหมดไป
วันศุกร์   เทพยดาวันศุกร์ทรงโคเป็นพาหนะ
          เสริมบารมีโดยตั้งรูปปั้นหรือประดับรูปโคหรือรูปปีเกิดของตนไว้ที่ทำงานหรือที่บ้าน    จะทำให้เทพยดาประจำราศีคุ้มครองให้ชีวิตดีขึ้น
         สีเสื้อผ้าเสริมดวงคือ สีทอง ขาว ฟ้า      อัญมณีคือ ทอง ไข่มุก
          ทำบุญเสริมดวงโดย  ทำสังฆทานอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตและปัจจุบัน     ซึ่งจะทำให้เจ้ากรรมนายเวรของเราอโหสิกรรมและทำให้ชีวิตดีขึ้น

วันเสาร์    เทพยดาวันเสาร์ทรงเสือเป็นพาหนะ
          เสริมบารมีโดย ตั้งรูปปั้นหรือประดับรูปภาพเสือที่บ้านหรือที่โต๊ะทำงาน  จะทำให้มีพลังกายพลังใจในการต่อสู้ชีวิตมากขึ้น
          สีเสื้อเสริมดวงคือ เขียว ดำ น้ำเงิน     อัญมณีคือ นิลดำล้อมเพชร
          ทำบุญเสริมดวงโดย สร้างถนน สะพาน ร่วมกับวัดหรือโรงเรียน   จะทำให้กิจการงานตนที่ทำอยู่ราบรื่นและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว


           ตักบาตรเสริมดวง สำหรับผู้ที่เกิดวันต่างๆ
วันอาทิตย์     - เสริมด้านการงาน      ควรใส่อาหารประเภท เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น หมูย่าง ไก่ย่าง ฯลฯ
                     - เสริมด้านการเงิน       ควรใส่อาหารประเภทที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ หรืออาหารเหลว เช่น โจ๊ก  แกงจืด
วันจันทร์      - เสริมด้านการงาน       ควรใส่อาหารประเภทเหลว รสชาติเบาๆ เช่น แกงจืดเต้าหู้ ฯลฯ
                      - เสริมด้านการเงิน       ควรใส่อาหารประเภท พืชผักต่างๆ ผลไม้
วันอังคาร      - เสริมด้านการเงิน       ควรใส่อาหารประเภท อาหารหลักที่อิ่มท้องง่าย เช่นข้าวสวย ข้าวเหนียว พร้อมกับข้าว
                                                          ด้วย รวมถึงขนมปังต่างๆ ก็ได้    
                      - เสริมด้านการงาน      ควรใส่อาหารประเภท ผัดผักต่างๆ ซึ่งจะใส่เนื้อสัตว์ด้วยก็ได้
วันพุธ            - เสริมด้านการเงิน       ควรใส่อาหารรสเปรี้ยวจำพวกยำต่างๆ   หรืออาหารที่มีสีสันออกเข้ม    เช่นไข่เยียวม้า
(กลางวัน)                                           แหนม ไก่ดำ หรือเป็น  ของหวานเช่น  ถั่วดำ ถั่วแดง   
                      - เสริมด้านการงาน       ควรใส่อาหารหลักที่มีรสจืดกินอยู่ท้อง  เช่น ข้าวต่างๆพร้อมกับข้าว      รวมถึงอาหาร
                                                           แป้งประเภทต่างๆ ที่กินแล้วอยู่ท้อง
วันพุธ            - เสริมด้านการเงิน       ควรใส่อาหารที่มีความสดใหม่สะอาด และสุกดี ซึ่งต้องเป็นอาหารที่มีการปรุงแต่งที่ดี
(กลางคืน)                                           เช่น แกงต่างๆ 
                       - เสริมด้านการงาน      ควรใส่อาหารที่มีรสชาตินุ่มนวล กลมกล่อม กินง่าย เช่น นม ไข่ต้ม
วันพฤหัสบดี  - เสริมด้านการเงิน       ควรใส่อาหารที่มีความสดใหม่ สุก และควรมีการปรุงแต่งที่ดี
                       - เสริมด้านการงาน      ควรใส่อาหารที่มีรสชาติหวาน หอม ชวนกิน  หรือมีลักษณะเป็นเส้น เช่นข้าวแช่หรือ
                                                           ก๋วยเตี๋ยว มักกะโรนี
วันศุกร์           - เสริมด้านการเงิน       ควรใส่อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ
                       - เสริมด้านการงาน      ควรใส่อาหารที่มีความนุ่มกินง่าย รสชาติกลมกล่อมนุ่มนวล
วันเสาร์          - เสริมด้านการเงิน       ควรใส่อาหารที่มีรสหวาน  หรือมีลักษณะเป็นเส้น  เช่น ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว สปาเกตตี้
                                                           มักกะโรนี
                       - เสริมด้านการงาน      ควรใส่อาหารรสเปรี้ยว   หรืออาหารที่มีสีเข้ม เช่น  ยำต่างๆหรือผัดแหนม  ยำหรือผัด
                                                           ไข่เยี่ยวม้า

บทสวดมนต์เมื่อได้รับผลจากดวงดาวโคจร

         เมื่อขณะที่ดาวโคจรนั้นอาจจะส่งผลได้ทั้งด้านบวกหรือด้านลบแก่ดวงชะตา  ซึ่งเราสามารถใช้บทสวดนี้เพื่อเป็นการส่งเสริม(เมื่อคราวดาวจรมาให้ผลดี)  หรือลดทอน(เมื่อคราวดาวจนมาให้ผลร้าย)   แต่ถ้าจะให้เป็นการดีสำหรับผู้ที่ไม่ทราบว่าเมื่อใดดาวจรมาให้คุณหรือโทษก็ควรสวดมนต์ทุกบทให้ได้ทุกคืนก็จะดี

ดาวอาทิตย์   เสริมด้วย  “โมระปริตร”  แก้ด้วย  “วัฏกะปริตร  
(บทแรกเป็น “คาถานกยูง” เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ก็ออกไปทำมาหากิน บทต่อมาเป็น “คาถานกคุ่ม” เนื้อหาเกี่ยวกับไฟป่าที่จะลามมาที่รังนกคุ่ม จึงตั้งจิตเอาศีลเป็นที่ตั้งเพื่อให้ไฟไม่ทำอันตราย จะเห็นว่าบทแรกอาทิตย์ส่งคุณตามเนื้อหา   บทต่อ มาแก้อาทิตย์หรือไฟที่จะมาทำอันตราย  สมมติว่าอาทิตย์ดีจะเสริมให้ยิ่งขึ้นก็สวดบทแรก ถ้าอาทิตย์เสียเช่นเป็นกาลี เป็นมรณะ วินาสน์ พยายะ หินะ อริ หรือชนดาวร้าย ทำร้ายตัว ต้องสวด “บทนกคุ่ม” เพื่อให้ช่วยแก้ไขดวงชะตา)
                                       โมระปริตร
                            อุเทตะยัญจักขุมา เอกราชา                                  หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
                      ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง     ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง
                           เย พรัห์มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม                          เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
                      นะมัตถุ พุทธานัง มะมัตถุ โพธิยา                                 นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
                      อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสะนา
                             อะเปตะยัญจักขุมา เอกราชา                                หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
                      ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง      ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง
                          เย พรหมมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม                          เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
                      นะมัตถุ พุทธานัง มะมัตถุ โพธิยา                                  นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
                      อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ

                            วัฏกะปริตร
                   อัตถิ โลเก สีละคุโณ สัจจัง โสเจยยะนุททะยา          เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิริยะมะนุตตะรัง
                   อาวัชชิตวา ธัมมะพะลัง สะริตวา ปุพพะเก ชิเน       สัจจะพะละมะวัสสายะ สัจจะกิริยะมะกาสะหัง
                   สันติ ปักขา อะปัตตะนา สันติปาทา อะวัญจะนา     มาตา ปิตา จะ นิกขันตา ชาตะเวทะ ปะฏิกกะมะ
                   สะหะ สัจเจ กะเต มัยหัง มะหาปัชชะลิโต สิขี           วัชเชสิ โสฬะสะกะรีสานิ อุทะกัง ปัตวา ยะถา สิขี
                   สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมีติฯ


ดาวจันทร์     เสริมและแก้ด้วยคาถา ยันทุนฯ ”
ยันทุนนิมิตตัง  อะวะมังคะลัญจะ  โย  จามะนาโป  สุกะณัสสะ  สัทโท  ปาปัดคะโห  ทุสสุปินัง  อะกันตัง  พุทธานุภาเวนะ  วินาสะเมนตุฯ            
ยันทุนนิมิตตัง  อะวะมังคะลัญจะ  โย  จามะนาโป  สุกะณัสสะ  สัทโท  ปาปัดคะโห  ทุสสุปินัง  อะกันตัง  ธัมมานุภาเวนะ  วินาสะเมนตุฯ           
ยันทุนนิมิตตัง  อะวะมังคะลัญจะ  โย  จามะนาโป  สะกุณัสสะ  สัทโท  ปาปัดคะโห  ทุสสุปินัง  อะกันตัง  สังฆานุภาเวนะ  วินาสะเมนตุฯ


ดาวอังคาร    เสริมและแก้ด้วย “ บทกะระณียะเมตตะสูตร ”
             เมตตัญจะ  สัพพะโลกัสสะมิง  มานะสัมภาวะเย  อะปะริมาณัง
   อุทธัง  อะโธจะ  ติริยัญจะ อะสัมพาธัง  อะเวรัง  อะสะปัตตัง   ติฏฐัญจะรัง  นิสินโน  วา  สะยาโน  วา  ขาวะตัสสะ  วิคะตะมิทโธ     เอตัง  สะติง  อะธิฏเฐยยะ  พรหมมะเมตัง  วิหารัง  อิธะมาหุ  ทิฏฐิญจะ  อะนุปะคัมมะ  สีละวา  ทัสสะเนนะ สัมปันโน  กาเมสุ  วิเนยยะธัง นะ  หิชาติ  คัพภะเสยยัง  ปุนะเรตี  ติ


ดาวพุธ        บทขัณฑปริตร” เป็นบทที่ใช้แก้ไขดวงชะตาและใช้ป้องกันพิษจากสัตว์ร้าย (ทางนามธรรม คือ การพูดให้ร้าย พูดไม่ดีจากสังคม)      บทเสริมดวงคือ “ฉัททันต์ปริตร”  เป็นบทที่พระยาช้างฉัททันต์โดนเลื่อยงา แต่ตั้งใจมั่นไม่ยอมทำร้ายผู้ทรงศีล   
                                      บทขัณฑปริตร
               อัปปะมาโณ พุทโธ   อัปปะมาโณ ธัมโม   อัปปะมาโณ สังโฆ    ปะมาณะวันตานิ สิริงสะปานิ อะหิ วิจฉิกา
       สะตะปะที อุณณานาภี สะระภู มูสิกา   กะตา เม รักขา กะตา เม ปะริตตา    ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ โสหัง
       นะโม ภะคะวะโต นะโม สันตันนัง สัมมาสัมพุทธานัง ฯ

                            ฉัททันตปริตร
              วะธิสสะเมนันติ  ปะรามะสันโต     กาสาวะมัททักขิ ธะชัง อิสีนัง     ทุกเขนะ  ผุฎฐัสสุทะปาทิ สัญญา
         อะระหัทธะโช สัพภิ อะวัชฌะรูโป    สัลเลนะ วิทโธ พะยะถิโตปิ สันโต     กาสาวะวัตถัมหิ มะนัง นะ ทุสสะยิ
         สะเจ อิมัง นาคะวะเรนะ สัจจัง    มา มัง วะเน พาละมิคา อะคัญฉุนติ ฯ

ดาวพฤหัสฯ   แก้และเสริมด้วย “รัตนสูตร”
            ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา    สะเคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง   นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ  อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง   เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ   ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง   ยะทัชฌะคา สักยะมุนี สะมาหิโต  นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ   อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง   เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ  ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยีสุจิงสะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ   สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ  อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง  เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ   เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา   จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ   เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา   เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ   อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง   เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ    เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ    นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ   เต ปัตติปัตตา อะมะตัง วิคัยหะ   ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา   อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง   เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ   ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง  วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัสมิง   เต ขีระพีชา อะวิรุฬหิฉันทา  นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป  อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง  เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ



ดาวศุกร์         แก้ด้วยบท “อาฏานาติยะปริตร” (บทวิปัสสิทสะ สวดจนถึง พุทธังวันทามะโกตะมันติ )        เสริมด้วย “อิติปิโส ฯ”(จริงๆ คือ “บทธชัคสูตร” แต่ถือว่ามีบทอิติปิโส ฯ อยู่ในพระสูตรนี้ จึงตัดเอามาสวดเพื่อความสะดวก    ฉะนั้นการสวด “อิติปิโส” เพื่อเสริมดาวศุกร์ จึงต้องพึงระลึกถึงบทธชัคคสูตรก่อนสวดเสมอ เพราะที่มาต่างจากบทอิติปิโสฯ ทั่วไป)
                                       อาฏานาติยะปริตร
                        วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต            สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภู ตานุกัมปิโน
                  เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน             นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน
                  โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พราหมะณัสสะวุสีมะโต      กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ
                  อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักยะปุตตัสสะ สิรีมะโต             โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง
                  เย จาปิ นิพพุตาโลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง                     เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา
                  หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง             วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง
                  วิชชาจะระณะสัมปันนัง วันทามะ โคตะมันติ

                       บทธชัคสูตร (อิติปิโส ฯ)
        อิติปิ  โส   ภะคะวา   อะระหัง   สัมมาสัมพุทโธ  วิชชาจะระณะ - สัมปันโน  สุคะโต  โลกะวิทู   อะนุตตะโร   ปุริสะทัมมะสาระถิ  สัตถา เทวะมะนุสสานัง  พุทโธ ภะคะวาติ มะมัง  หิ  โว ภิกขะเว  อะนุสสะระตัง  ยัมภะวิสสะติ  ภะยัง  วา  ฉัมภิตัตตัง  วา  โลมะหังโส  วา   โส  ปะหิยยิสสะติ   โน  เจ  มัง  อะนุสสะเรยยาถะ  อะถะ  ธัมมัง  อะนุสสะเรยยาถะ       
        สวากขาโต   ภะคะวะตา   ธัมโม  สันทิฏฐิโก   อะกาลิโก   เอหิปัสสิโก  โอปะนะยิโก  ปัจจัตตัง  เวทิตัพโพ  วิญญูหี  ติ ธัมมัง  หิ โว  ภิกขะเว  อะนุสสะระตัง  ยัมภะวิสสะติ  ภะยัง  วา  ฉัมภิตัตตัง วา  โลมะหังโส  วา  โส  ปะหิยะยิสสะติโน  เจ  ธัมมัง  อะนุสสะเรยยาถะ  อะถะ   สังฆัง   อะนุสสะเรยยาถะ
        สุปะฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  อุชุปะฏิปันโน     ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  ญายะปะฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  สามีจิปะฏิปันโน  ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ  ยะทิทัง  จัตตาริ ปุริสะยุคานิ  อัฏฐะ  ปุริสะปุคคะลา  เอสะ  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  อาหุเนยโย    ปาหุเนยโย  อัญชะลีกะระณีโย  อะนุตตะรัง  ปุญญักเขตตัง  โลกัสสาติ



ดาวเสาร์        แก้ด้วยบท “ยะโตหัง ฯ”    เสริมด้วย “โพชฌงค์ปริตร
                                    ยะโตหัง
               ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต นาภิ ชานามิ สัญจิจจะ
 ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตา เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ ฯ

                    โพชฌงค์ปริตร
               โพชฌังโค  สะติสังขาโต     ธัมมานัง  วิจะโย  ตะถา         วิริยัมปีติปัสสัทธิ     โพชฌังคา  จะ  ตะถาปะเร
         สะมาธุเปกขะโพชฌังคา     สัตเต  เต  สัพพะทัสสินา             มุนินา  สัมมะทักขาตา      ภาวิตา  พะหุลีกะตา
         สังวัตตันติ  อะภิญญายะ     นิพพานายะ  จะ  โพธิยา            เอเตนะ  สัจจะวัชเชนะ    โสตถิ  เต  โหตุ  สัพพะทาฯ
         เอกัสะมิง  สะมะเย  นาโถ   โมคคัลลานัญจะ  กัสสะปัง          คิลาเน  ทุกขิเต  ทิสะวา     โพชฌังเค  สัตตะ  เทสะยิ
         เต  จะ  ตัง  อะภินันทิตะวา     โรคา  มุจจิงสุ  ตังขะเณ           เอเตนะ  สัจจะวัชเชนะ    โสตถิ  เต  โหตุ  สัพพะทาฯ
         เอกะทา  ธัมมะราชาปิ      เคลัญเญนาภิปีฬิโต                      จุนทัตเถเรนะ  ตัญเญวะ  ภะณาเปตะวานะ สาทะรัง
        สัมโมทิตะวา  จะ  อาพาธา     ตัมหา  วุฏฐาสิ  ฐานะโส           เอเตนะ  สัจจะวัชเชนะ    โสตถิ  เต  โหตุ  สัพพะทาฯ
        ปะหีนา  เต  จะ  อาพาธา     ติณณันนัมปิ  มะเหสินัง              มัคคาหะตะกิเลสาวะ       ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง
        เอเตนะ  สัจจะวัชเชนะ     โสตถิ  เต  โหตุ  สัพพะทาฯ



ดาวราหู         แก้ด้วยบท “กินนุฯ”   เสริมด้วยบท “อาฏานาติยะปริตร”    
                            กินนุฯ  
                     กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ       สังวิคคะรูโป อาคัมมะกินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ
              สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ             พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ.
              กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ             สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ
              สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ            พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ

                         อาฏานาติยะปริตร
                           วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต          สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภู ตานุกัมปิโน
                  เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน             นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน
                 โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พราหมะณัสสะวุสีมะโต       กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ
                  อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักยะปุตตัสสะ สิรีมะโต             โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง
                 เย จาปิ นิพพุตาโลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง                      เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา
                 หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง               วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง
                 วิชชาจะระณะสัมปันนัง วันทามะ โคตะมันติ

ดาวเกตุ      แก้และเสริมด้วยบท  “ มหากาฯ ”
          มหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา  ปาระมี สัพพา   ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
โหตุ เต ชะยะมังคะลัง   ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง   นันทิวัฑฒะโน เอวัง ตะวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ   พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง
สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะ   จารีสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง      ปะทักขิณัง    มโนกัมมัง ปะณิธี เต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัดเถ ปะทักขิเณ  
                 ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา        สัพพะพุทธา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต*
                 ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา        สัพพะธัมมา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต*
                 ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา        สัพพะสังฆา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต*
( * ถ้าสวดให้คนอื่นใช้คำว่า เต สวดให้ตัวเองใช้คำว่า เม (เต แปลว่าท่าน - เม แปลว่าข้าพเจ้า )


ดาวมฤตยู     แก้ได้หลายบท ดาวนี้ไม่มีบทสวดเสริมดวงเพราะหมายถึง สูญ พลิกผัน ไม่มี เสื่อมสลาย 
แก้ความหมายของความว่างเปล่าหรือไม่มี คือบท “อิติปิโส ฯ” ในธชัคคสูตร     
แก้ความหมายของความเสื่อมสลายใช้บท “อุณหิสวิชัย” ซึ่งเป็นบทที่เทวดาใช้ต่ออายุตนเอง  
แก้ความหมายของความพลิกผัน เปลี่ยนแปลงฉับพลัน ใช้บท “สังคินี” ซึ่งเป็นบทในพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ ซึ่งใช้สวดในงานศพ แต่เราก็สวดได้

                    บทธชัคสูตร (อิติปิโส ฯ)
        อิติปิ  โส   ภะคะวา   อะระหัง   สัมมาสัมพุทโธ  วิชชาจะระณะ - สัมปันโน  สุคะโต  โลกะวิทู   อะนุตตะโร   ปุริสะทัมมะสาระถิ  สัตถา เทวะมะนุสสานัง  พุทโธ ภะคะวาติ มะมัง  หิ  โว ภิกขะเว  อะนุสสะระตัง  ยัมภะวิสสะติ  ภะยัง  วา  ฉัมภิตัตตัง  วา  โลมะหังโส  วา   โส  ปะหิยยิสสะติ   โน  เจ  มัง  อะนุสสะเรยยาถะ  อะถะ  ธัมมัง  อะนุสสะเรยยาถะ
        สวากขาโต   ภะคะวะตา   ธัมโม  สันทิฏฐิโก   อะกาลิโก   เอหิปัสสิโก  โอปะนะยิโก  ปัจจัตตัง  เวทิตัพโพ  วิญญูหี ติ ธัมมัง  หิ โว  ภิกขะเว  อะนุสสะระตัง  ยัมภะวิสสะติ  ภะยัง  วา  ฉัมภิตัตตัง วา  โลมะหังโส  วา  โส  ปะหิยะยิสสะติโน  เจ  ธัมมัง  อะนุสสะเรยยาถะ  อะถะ   สังฆัง   อะนุสสะเรยยาถะ
         สุปะฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  อุชุปะฏิปันโน     ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  ญายะปะฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  สามีจิปะฏิปันโน  ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ  ยะทิทัง  จัตตาริ ปุริสะยุคานิ  อัฏฐะ  ปุริสะปุคคะลา  เอสะ  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  อาหุเนยโย    ปาหุเนยโย  อัญชะลีกะระณีโย  อะนุตตะรัง  ปุญญักเขตตัง  โลกัสสาติ

                            อุณหิสวิชัย
                    อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย ธัมโม โลเก อะนุตตะโร         สัพพะสัตตะหิตัตถายะ ตังตวังคัณหาหิ เทวะเต
           ปะริวัชเช ระชะทัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก                     พะยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา
           สัพพัสมา มะระณา มุตโต ฐะเปตวา กะละมาริตัง             ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
           สุทธะ สีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร                     ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุข สะทา
           ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง ธาระนัง วาจะนัง คะรุง                     ปะเรสัง เทสะนังสุตวา ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ

                                            สังคินี
        กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา  กะตะเม  ธัมมา  กุสะลา  ยัสมิง สะมะเย กามาวะจะรัง กุ สะลัง จิตตัง อุปปันนัง  โหติ โสมะนัสสะสะหะคะตัง ญาณะสัมปะยุตตัง รู ปารัมมะณัง วา  สัททารัมมะณัง วา คันธารั มมะณัง  วา  ระสารัมมะณัง วา โผฏฐัพพา-รัมมะณัง วา ธัมมารัมมะณัง วา ยัง ยัง วา ปะนารัพภะ ตัสมิง  สะมะเย ผัสโส โหติ อะวิกเขโป โหติ เย วา ปะนะ ตัสมิง  สะมะเย อัญเญปิ อัตถิ ปะฏิจจะสะมุปปันนา อะรูปิโน ธัมมา อิเม  ธัมมา กุสะลา