วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ดวงพิไชยสงคราม ที่ควรมีไว้เสริมสิริมงคลแก่ดวงชะตา

           ดวงพิไชยสงครามในปัจจุบันนี้บรรดาเหล่าข้าราชการและพ่อค้าวาณิชนิยมทำกันเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง  แต่ในสมัยโบราณจะทำได้เฉพาะกษัตริย์หรือทหารชั้นแม่ทัพและข้าราชบริพารชั้นสูงเท่านั้น   เมื่อวิชาโหราศาสตร์ได้มีการเผยแพร่ออกนอกรั้วนอกวัง  จึงได้มีการแพร่หลายแต่ก็เป็นเพียงเฉพาะในหมู่พ่อค้าที่มีฐานะเท่านั้น  เพราะขั้นตอนในการทำนั้นยากและต้องใช้โหราจารย์ที่รู้ถึงภาคการคำนวณ  รวมถึงต้องใช้เวลาทำที่ค่อนข้างนานทำให้ดวงพิไชยฯมีค่าใช้จ่ายต่อ1ดวงที่ค่อนข้างสูง     ในปัจจุบันเมื่อมีเครื่องมือในการช่วยคำนวณทำให้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม  แต่ก็ยังต้องเป็นผู้ที่ได้เรียนรู้ในภาคการคำนวณดวงสุริยยาตร์อย่างดีเช่นเดิม  เพียงแต่สะดวกและรวดเร็วเป็นอย่างมากเพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยลดเวลาลงไปได้มาก  
         เอกสารชุดนี้จะขอนำภาคการคำนวณบางจุดมาเผยแพร่  เพื่อให้ท่านที่สนใจได้ทำการทดลองคำนวณดูยามว่าง  ส่วนท่านใดอยากจะศึกษาวิธีการคำนวณเพิ่มเติมก็ค้นหาได้จากหนังสือตำราที่มีขายกันอยู่ในท้องตลาด  หรือจะไปหาในหอสมุดแห่งชาติฯก็มีอย่างแน่นอนครับ     

        การคำนวณดวงพิไชยสงคราม   คัมภีร์สุริยยาตร์

การคำนวณ อัตตาเถลิงศกประจำปี
ในการคำนวณปฎิทินประจำปีต่างๆตามพระคัมภีร์สุริยาตร์นั้น ในสมัยโบราณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตั้งต้นด้วย การคำนวณจากอัตตาเถลิงศกในปีนั้นๆเสียก่อน เพื่อสะดวกในการหาฤกษ์ยาม ผูกดวงชาตา หรือการคำนวนดวงาชาตาที่ลับซับซ้อนเช่นดวงพิชัยสงคราม ซึ่งโหรฯจะต้องทำการคำนวนหาอัตตาเถลิงศกก่อนเป็นอันดับแรก
1.  แปลงให้เป็นจุลศักราช ให้เอาปี พ.ศ. ที่เราต้องการคำนวณ มาทำการแปลงเป็นจุลศักราช ก่อน  สูตรที่ตายตัวก็คือ ลบพุทธศักราชด้วย 1181 ปี

*** หมายเหตุ เนื่องจากปี จ.ศ. นับจากประมาณวันที่ 16 เดือนเมษายน ของทุกปี แต่ปี พ.ศ. นับจากวันที่ 1เดือนมกราคม ของทุกปี หากใครเกิดก่อนวันที่ 16 เดือนเมษา-1 มกราจะต้องลบ จ.ศ.ออกไปอีก 1 ปี ***
        จุลศักราชที่นิยมใช้มีที่มาจากประเทศพม่าสมัยโบราณ โดยพระสังฆราชปุพโสรหัน ลาสิกขาออกมาชิงราชสมบัติแล้วปราบดาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดินพม่า การที่โหรนิยมใช้จุลศักราชก็เพราะว่าได้ทำการตัดเลขเกณฑ์คำนวณให้ลดลง ทำให้การคำนวณทำได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น  ในอดีตมีศักราชหลายแบบที่โหรนิยมมาตั้งเกณฑ์คำนวณกันเช่น มหาศักราช อัญชัญศักราช และกลียุคศักราช ส่วนจุลศักราชมีค่าน้อยกว่าปีมหาศักราช 560ปี จุลศักราชมีการนับขึ้นปีใหม่ในทุกๆวันเถลิงศก หรือประมาณวันที่ 16 เมษายนของทุกปีก้คือตรงกับวันที่ดาวอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษเป็นวันเปลี่ยนจุลศักราช  แต่วันขึ้นปีใหม่จะนับเป็นวันขึ้น 1ค่ำเดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติ (ตรงกับปีใหม่ของอินเดียคือเดือนจิตรามาส) ตามประวัติเล่าวันตั้งต้นจุลศักราชเริ่มเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 1 ค่ำเดือน 6 พ.ศ. 1181 หรือทางสุริยคติคือวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 638

2.  หา “หรคุณอัตตา   ให้ตั้งเกณฑ์คำนวณ คือเลขจำนวน 292207 คูณด้วย จุลศักราช ได้ผลลัพธ์ เท่าใดก็ เอาเกณฑ์ 373 บวกแล้วเอา 800 หาร  ได้ผลลัพธ์เท่าใดให้บวกด้วย 1 เสมอ

3.  หา “กัมมัชพลอัตตา   โดยเอา เกณฑ์ 800 ตั้ง   แล้วลบด้วยเศษของผลหารในข้อ 2   ผลลัพธ์เป็น กัมมัชพลอัตตา

4.  หา “อวมานอัตตา  โดยเอาหรคุณอัตตาที่ได้จากข้อ 2 คูณด้วยเกณฑ์ 11 แล้วบวกด้วย 650 ผลลัพธ์เท่าใดเอา เกณฑ์ 692 หาร เศษของผลหาร สำเร็จเป็น อวมานอัตตา

5.  หา “มาสเกณฑ์อัตตา และ “ดิถีอัตตา”   โดยเอาหรคุณอัตตาในข้อ 2 เป็นตัวตั้งแล้วบวกด้วยผลหารจากข้อ 4 แล้วเอา 30 หาร ผลลัพธ์เป็น มาสเกณฑ์อัตตาเศษเป็นดิถีอัตตา

6.  หา “อุจจพลอัตตา”   โดยเอาหรคุณอัตตาในข้อ 2 เป็นตัวตั้งแล้วลบด้วยเกณฑ์ 621  หาร
ผลลบหารด้วย เกณฑ์ 3232  ได้เศษเป็น  “อุจพลอัตตา

7.  หา วันเถลิงศกประจำปี  โดยเอาหรคุณอัตตาในข้อ 2 เป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยเกณฑ์ เศษเป็น วาร หรือวันเถลิงศกประจำปี หากเหลือเศษ 1 เป็นวันอาทิตย์   เศษ 2 เป็นวันจันทร์   เศษ 3 เป็นวันอังคาร   เศษ 4 เป็นวันพุธ   เศษ 5 เป็นวันพฤหัส  เศษ 6 เป็นวันศุกร์     เศษ 7 หรือ 0 เป็นวันเสาร์



เมื่อเราได้ทำการคำนวณหาอัตตาเถลิงศกประจำปีเสร็จเรียบร้อยแล้ว   เมื่อจะการคำนวนดวงชาตาต่อไปก็ต้องทำการคำนวณตามขั้นตอน ที่เรียกว่า หาอัตตากำเนิดของเจ้าชาตา   

1.  หา สุรทินประสงค์  ให้นับจากวันก่อนวันเถลิงศกของปีที่ต้องการคำนวณไปหาวันที่เราต้องการคำนวณ (วันเกิดของเจ้าชาตา)
วิธีทำสูตร    (วันเกิดเจ้าชาตา - วันก่อนวันเถลิงศก)   =   สุรทินประสงค์

2.  หา หรคุณกำเนิด ให้เอาหรคุณเถลิงศก บวกด้วยสุรทินประสงค์ ผลลัพธ์เป็นหรคุณกำเนิด
วิธีทำสูตร   (หรคุณเถลิงศก + สุรทินประสงค์)   =     หรคุณกำเนิด

3.  หา อวมานกำเนิด  ให้เอา 11 คูณด้วยสุรทินประสงค์ บวกด้วยอวมานเถลิงศก แล้วเอา 692 หาร ลัพธ์ตราไว้   เศษของผลหาร เป็นอวมานเมื่อ 24.00 .
3.1 แล้วหา “อวมานวันเกิดโดยการตั้งเวลาเกิดลง คิดเวลาตั้งแต่ย่ำรุ่งนับไปหาเวลาที่เจ้าชาตาเกิด เป็นชั่วโมงและนาที จากนั้นกระจายเป็นนาทีทั้งหมด แล้วเอา 703 คูณ เอา 1440 หาร  เศษปัดทิ้ง  ผลลัพธ์ไปบวกกับอวมานเมื่อเวลา 24.00 .(ข้อ3) ผลลัพธ์เป็น “อวมานกำเนิด
3.2 หากอวมานกำเนิด มีค่ามากกว่า 692 ให้เอา 692 ลบ ที่เหลือจะเป็นอวมานกำเนิดและต้องเพิ่มดิถีเพิ่มอีก1 ดิถีเสมอ

4.  หา ดิถีกำเนิด    ให้เอาผลหารในข้อ 1.4 บวกด้วยสุรทินประสงค์ บวกดิถีเถลิงศกในปีนั้น แล้วหารด้วย 30ผลลัพธ์ตราไว้ เศษของผลหารเป็นดิถีกำเนิดและหากอวมานกำเนิดมีดิถีคงเหลือให้นำมาบวกกับดิถีกำเนิดที่ได้

5.  หา มาสเกณฑ์กำเนิด   ให้เอาผลหารในข้อ 4.2 บวกด้วย “มาสเกณฑ์เถลิงศกผลลัพธ์ เป็น “มาสเกณฑ์กำเนิด


6.  หา กัมมัชพลกำเนิด
. ให้เอาสุรทินประสงค์ ลบด้วย 1 แล้วเอา800 คูณ ลัพธ์เป็นกัมมัชพลจากสุรทิน
. ต่อไปให้หา “ทศนิยมเวลาเกิด”  โดยตั้งเวลาเกิดลงเป็นชั่วโมงคูณด้วย 60 บวกนาทีเวลาเกิด ผลลัพธ์เป็น “นาทีแล้วหารด้วย 1440    ผลลัพธ์เป็น “ทศนิยมเวลาเกิด
. ตั้ง “ทศนิยมเวลาเกิด ลง   เอาเกณฑ์ 800 คูณ  ได้ผลลัพธ์(ปัดเศษทิ้ง) นำไปบวกกับกัมมัชพลจากสุรทิน  แล้วบวกกับ  “กัมมัชพลเถลิงศก”   ผลลัพธ์สำเร็จเป็น  กัมมัชพลกำเนิด


7.  หา อุจพลกำเนิด
. ให้เอา “เศษกัมมัชที่ได้จากการหา “หรคุณอัตตา ในข้อ 2  หารด้วย 800   ลัพธ์เป็นทศนิยมเศษกัมมัช
. ต่อไปให้เอา “กัมมัชพลเถลิงศกหารด้วย 800   ได้ผลลัพธ์เป็น “ทศนิยมกัมมัชพล
. ตั้ง “หรคุณเถลิงศก ลง   ลบออก 1    บวกด้วย “ทศนิยมเศษกัมมัช ได้ผลลัพธ์เท่าใดนำไปลบกับ 621   หารด้วย 3232    เศษที่เหลือจากผลการหารเป็น อุจพลจากเถลิงศก
. ให้ตั้งสุรทินประสงค์ลง  ลบออกเสีย 1   แล้วบวกด้วย “ทศนิยมกัมมัชพล”   แล้วนำไปบวกกับทศนิยมเวลาเกิด  แล้วบวกกับ อุจพลจากเถลิงศก  ผลลัพธ์ได้เท่าใดให้ตราไว้ (ปัดเศษทิ้ง)
. นำผลลัพธ์ที่ได้จากข้อ ง. แล้วบวกด้วย 1   ผลลัพธ์สำเร็จเป็นอุจจพลกำเนิด” (หากอุจพลกำเนิดมีค่ามากกว่าจำนวน 3232 ให้เอา 3232 ลบออกก่อน  จึงจะเป็น อุจจพลกำเนิด)


8.  หา วารกำเนิด    ให้เอาหรคุณกำเนิดลง เอา 7 หาร เศษที่เหลือเป็นวารกำเนิด
วิธีทำสูตร   (หรคุณกำเนิด ÷ 7 )   =    “เศษ” เป็นวารกำเนิด




การคำนวณมัธยมอุจ
เมื่อเราได้ทำการคำนวณหาอัตตาเถลิงศกประจำปีและอัตตากำเนิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อจะการคำนวนดวงชาตาต่อไปก็ต้องทำการคำนวณตามขั้นตอน ที่เรียกว่า หามัธยมอุจ  ของวันเกิดของเจ้าชาตา
การคำนวณหามัธยมอุจ ให้ตั้งอุจพลเถลิงศกลง เอาสุรทินประสงค์บวก แล้วเอา 3 คูณ เอา 808 หาร ผลลัพธ์เป็น ราศี เศษที่เหลือจากผลหาร เอา 30 คูณ เอา 808 หาร ผลลัพธ์เป็นองศา เศษที่เหลือก็ให้ทำเป็นลิปดา โดยเอา 60 คูณ เอา 808 หาร ลัพธ์ที่ได้ บวกด้วย 2 ลิปดาเสมอ ผลลัพธ์เป็น มัธยมอุจ

การคำนวณมัธยมพระอาทิตย์   ให้ตั้งกัมมัชพลกำเนิดลง เอาเกณฑ์ 24350 หาร ผลลัพธ์เป็นราศี เศษเอา 811 หาร ผลลัพธ์เป็นองศา เศษที่เหลือเอา 14 หาร ลัพธ์เป็นลิปดา เศษเป็นฟิลิปดา ผลลัพธ์ที่ได้ลบด้วย 3 ลิปดาเสมอ ผลลัพธ์สุทธิเป็นมัธยมพระอาทิตย์

การคำนวณมัธยมระวิ   ให้ตั้งมัธยมพระอาทิตย์ลง เอาเกณฑ์ 23 ลิปดาไปลบ  ผลลัพธ์เป็น มัธยมระวิ
  
การคำนวณมัธยมพระจันทร์
ก.      หาดิถีประสงค์  ตั้งสุรทินประสงค์ลง เอา 11 คูณ บวกกับอวมานเถลิงศกเอาเกณฑ์692 หารเศษเป็น อวมานประสงค์”  ผลลัพธ์บวกด้วยสุรทินและบวกกับดิถีเถลิงศกเอา 30 หารเศษ สำเร็จเป็นดิถีประสงค์
ข.      เอาอวมานประสงค์ลง เอา 25 หารเศษเป็น ฟิลิปดา
ค.      เอาผลลัพธ์ข้อ ข. บวกกับอวมานประสงค์ เอา 60 หาร ลัพธ์เป็นองศาเศษเป็นลิปดา
ง.       เอาดิถีลง เอา 12 คูณ เอา 30 หาร ลัพธ์เป็นราศี เศษเป็นองศา
จ.      เอาลัพธ์ข้อ ค.บวกกับข้อ ง.ตามฐาน เอา 40 ลิปดาไปลบได้ลัพธ์เท่าใดนำไปบวกกับ มัธยมพระอาทิตย์ ลัพธ์ออกมาสำเร็จเป็น มัธยมพระจันทร์ (หมายเหตุ หากเกิน 12 ราศีให้ลบด้วย 12 ราศี)


การคำนวณผลอาทิตย์   คือผลต่างของ มัธยมอาทิตย์ กับ สมผุสพระอาทิตย์
วิธีทำ  สูตร  (มัธยมพระอาทิตย์)  ลบ (สมผุสพระอาทิตย์)     = ผลอาทิตย์


การคำนวณอุจวิเศษ   คือหาผลต่างของ มัธยมจันทร์  กับ มัธยมอุจ หากมัธยมจันทร์มีค่าน้อยกว่าตัวลบ(มัธยมอุจ)ให้เอา 12 ราศีบวกกับมัธยมจันทร์ก่อนแล้วจึงลบ
วิธีทำ  สูตร  (มัธยมจันทร์)  ลบ  (มัธยมอุจ)  = อุจวิเศษ


การคำนวณหากำลังพระเคราะห์ทั้ง 7และสรุปอัปป     คือ ดาวอังคาร(๓)    ดาวพุธ(๔)     ดาวพฤหัส (๕)     ดาวศุกร์ (๖)     ดาวเสาร์ (๗)     ดาวราหู (๘)     และดาวมฤตยู (๐)       

โดยการตั้งจุลศักราชในปีนั้นลง เอา 610 ลบ ที่เหลือเป็นสรุปอัปปจากนั้นให้ตั้งสรุปอัปปลง เอา 12 คูณ เอาราศีมัธยมรวิบวก เอา 30 คูณ จากนั้น เอา องศามัธยมรวิบวก เอา 60 คูณ เอาลิปดามัธยมรวิบวก  ผลลัพธ์สำเร็จเป็นกำลังพระเคราะห์ทั้ง 7 องค์

สำหรับสมผุสดาวรวมถึงฤกษ์และนาทีฤกษ์นั้น  ในปัจจุบันมีโปรแกรมคำนวณอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องหาให้ยุ่งยาก   เราสามารถนำค่าที่ได้จากโปรแกรมมาใช้ได้เลยครับ

นี่คือภาพตัวอย่างของดวงพิไชยสงคราม   ซึ่งยังต้องนำผลของการคำนวณใส่เข้าไปและต้องบรรจุยัตน์ต่างๆ  รวมถึงจะต้องให้พระเกจิหรือพระสงฆ์รูปที่มีความสามารถในการบรรจุพุทธคุณลงไปด้วยจึงจะเสร็จสมบูรณ์   ขนาดของดวงพิไชยฯนี้คือ 24 คูณ 36 ซม.  ล้อมรอบด้วยคาถาชินบัญชร(ภาษาขอม)   



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น